‘โรงเรียนสอนเป็นโจร’ การร่วมมือกันจาก 3 หมู่บ้านในอินเดีย เรียนเพียง 1 ปี รู้หมดกระบวนการเป็นอาชญากร รับรองรายได้หลักแสนต่อปี
สาธารณรัฐอินเดีย ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียใต้ กินพื้นที่ส่วนใหญ่ในอนุทวีปอินเดีย เป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 1 ของโลก
การมีจำนวนประชากรที่เยอะ จึงทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูง เด็กที่ยากจนไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดี หลายคนต้องดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยวิธีต่างกันไป เช่นเดียวกับหมู่บ้าน 3 แห่งในชนบทของอินเดียที่ทำการเปิด “โรงเรียนสอนเป็นขโมย” สอนเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปให้กลายเป็นอาชญากร
เนื่องจากครอบครัวที่ยากจนและมีการศึกษาต่ำไม่สามารถให้การศึกษาที่เหมาะสมแก่ลูกหลานของตนได้ พวกเขาจึงต้องแสวงหาในโรงเรียนเหล่านี้
โดยผู้ปกครองต้องจ่ายค่าเล่าเรียน 200,000 – 300,000 รูปี (80,000 – 120,000 บาท) เพื่อให้ลูกหลานได้รับการฝึกฝนใน “ศาสตร์มืด” เช่น การล้วงกระเป๋า, การวิ่งราวในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน การปล้นธนาคาร, การหลบหนีตำรวจ และแม้กระทั่งการถูกทุบตีในกรณีที่ถูกจับกุม
หลังจากพบกับหัวหน้าแก๊งและจ่ายค่าเล่าเรียนที่กำหนดแล้ว ผู้ปกครองจะส่งบุตรหลานไปโรงเรียนอาชญากรรมเป็นเวลา 1 ปีเพื่อเรียนรู้ทักษะต่างๆ และเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตอาชญากร
หลังจากสำเร็จการศึกษาและเข้าร่วมแก๊ง ครอบครัวของนักเรียนจะได้รับเงินจากหัวหน้าแก๊งเป็นจำนวน 300,000 รูปี – 500,000 รูปี (ประมาณ 120,000 – 200,000 บาท) ต่อปี
เด็กๆ ที่เรียนในโรงเรียนโจร มาจากครอบครัวที่ยากจน แต่พวกเขาจะถูกสอนให้กลมกลืนไปกับครอบครัวที่ร่ำรวยเพื่อจะได้ขโมยของจากครอบครัวเหล่านั้นได้
พวกเขามักจะแอบเข้าไปในงานพิเศษ เช่น งานแต่งงาน ซึ่งพวกเขาสามารถล้วงกระเป๋าแขกได้อย่างง่ายดาย ขโมยเครื่องประดับของแขก หรือแม้แต่ก่อเหตุปล้นครั้งใหญ่
แม้ว่าตำรวจจะรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากชุมชนจะคอยปกป้องกลุ่มอาชญากรอยู่เสมอ พวกเขาสงสัยคนแปลกหน้าและจะเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจหากพยายามจับกุมสมาชิกในหมู่บ้านของตนเอง
ผู้ตรวจการสถานีตำรวจกล่าวว่า “เมื่อต้องไปหมู่บ้านเหล่านี้ เราจะนำกำลังจากสถานีตำรวจหลายแห่งไปเพื่อจับกุมผู้ต้องหา อาชญากรเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีในการทำอาชญากรรม
โดยมักใช้ผู้เยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี การโจรกรรมส่วนใหญ่มักทำโดยผู้เยาว์ ทำให้การปราบปรามวัฒนธรรมอาชญากรที่หยั่งรากลึกนี้ยิ่งท้าทายมากขึ้น”
จากบันทึกของตำรวจพบว่าชาวบ้านจาก 3 หมู่บ้านนี้กว่า 2,000 ราย มีคดีความแจ้งความในสถานีตำรวจทั่วประเทศมากกว่า 8,000 คดี
ที่มา: odditycentral