พี่สาวแจ้งจับน้องสาว-ผัว อ้างฮุบสมบัติแม่ 200 ล้าน เผยโอนเงินออกถึง 311 ครั้ง

Author:

พี่สาวแจ้งจับน้องสาว-ผัว อ้างฮุบสมบัติแม่ 200 ล้าน เผยโอนเงินออกถึง 311 ครั้ง ทนายเผยแจ้งกองปราบแล้ว เตรียมส่งตัวผู้ต้องหาไปอัยการในสัปดาห์นี้

เมื่อวันที่ 3 ก.ย.67 นางเอ อายุ 69 ปี ลูกสาวของนางไก่ อายุ 92 ปี มาร้องเรียน หลังอ้างว่า น้องสาว อายุ 61 ปี ได้ฮุบสมบัติของครอบครัว ไปกว่า 200 ล้านบาท

นางเอ กล่าวอ้างว่า บ้านที่ย่านประชาอุทิศจะต้องเวนคืนที่ดิน ตนจึงเข้าไปตรวจสอบ ก็พบว่าชื่อในโฉนดได้โอนเปลี่ยนชื่อไปแล้ว จากชื่อแม่เป็นชื่อน้องสาว 3 แปลง เป็นเงินประมาณ 200 ล้าน ซึ่งตนเองก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไปคุยกับน้องสาว แต่น้องสาวไม่ได้ตอบอะไร และตนไปตรวจสอบเงินในบัญชีแม่ ที่เป็นบัญชีเงินค่าเช่าที่ดินของแม่ ย่านสุขุมวิท 16 ที่จะต้องได้ค่าเช่า เดือนละ 1.2 ล้านทุกเดือน ซึ่งเงินในบัญชีนั้นเหลือเพียง 2 ล้านกว่าบาท ทำให้ตกใจ จึงไปถามน้อง น้องสาวอ้างว่า เอาเงินไปซ่อมตึกย่านสุขุมวิท

นางเอ กล่าวอ้างอีกว่า เงินออกจากบัญชีของแม่ไปถึง 311 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2559-2566 โอนครั้งละหลักหมื่น จนถึงหลายสิบล้าน เป็นเงินกว่า 98 ล้านบาท โดยโอนผ่านแอพพลิเคชั่นธนาคารโทรศัพท์ของแม่ ทั้งที่แม่เล่นมือถือไม่เป็น แต่ทราบว่าน้องสาวและน้องเขยพาแม่ไปทำแอพธนาคารในมือถือ และพบมีการโอนเงินจนหมด ส่วนที่ดิน 3 แปลง ที่เป็นบ้านพักย่านประชาอุทิศ พบว่าน้องสาวพาแม่ไปเซ็นโอน แต่ใช้เป็นลายนิ้วมือพิมพ์แทนลายเซ็นของแม่เมื่อปี 2558

นางเอ อ้างด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตนกับน้องสาวอยู่บ้านแม่ด้วยกัน แต่พอตนแต่งงานก็ย้ายออกมา แต่ยังอยู่ในรั้วเดียวกัน ส่วนแม่เมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคจิตเวชช่วงปี 2558 น้องสาวก็ดูแลแม่มาตลอด เพราะนอนบ้านเดียวกัน แต่ตนก็ไปหาตลอด ก่อนเริ่มสังเกตว่า ทำไมแม่อาการแย่ลง บางครั้งก็เห็นแม่นั่งเหม่อ นั่งลอยเหมือนคนไร้สติ และพอทราบเรื่องทั้งหมดเมื่อปีที่แล้ว ก็ไปทำเรื่องอนุบาลแม่ เพราะจะได้มีสิทธิ์ดูแลแม่ เพราะก่อนหน้านี้น้องสาวดูแลโดยปริยาย เพราะอยู่ใกล้ชิดแม่ตลอดเวลา และน้องสาวพยายามกีดกันทุกคน เวลาใครจะเข้ามาคุยเรื่องเงินกับแม่

“เมื่อแม่มีอาการแย่ลง ได้พาแม่ไปหาหมอหรือไม่ ซึ่งน้องอ้างว่าพาไป แต่ความจริงแล้วคือน้องสาวไปเอายาที่โรงพยาบาลมาแทน ซึ่งเป็นยาคล้ายยานอนหลับ คล้ายกังวล ที่ต้องสั่งจ่ายจากแพทย์เท่านั้น แต่น้องสาวกลับไปขอมาให้แม่ได้ ทั้งที่แม่ไม่ได้ไป โรงพยาบาล และยาดังกล่าว หากรับยาเกินจะส่งผลให้แม่มีอาการมึนไม่มีสติ ซึ่งก็สงสัยว่าแม่อาจจะให้ยาแม่เกินก็ได้”นางเอกล่าวอ้าง

เมื่อถามว่าแม่ได้ทำพินัยกรรมหรือไม่ นางเอ อ้างว่า แม่ไม่ได้ทำพินัยกรรมอะไร เพราะแม่มีนิสัยขี้เหนียว และช่วงหลายปีที่ผ่านมาตนเห็นครอบครัวน้องสาวมีความร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินคอนโด 9 แห่ง ที่ดินอีก 11 แห่ง โดยทั้งหมดอยู่ในพื้นที่พัทยา ชิดลม อโศก ห้วยขวาง ทุ่งครุ โดยแม่มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 2 พันล้านบาท ตัวเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับน้องสาว แต่รู้สึกพฤติกรรมของน้องสาว ไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับแม่ ทั้งที่แม่ก็ป่วย จึงอยากให้น้องสาวหยุดพฤติกรรมแบบนี้และนำเงินทั้งหมด รวมถึงที่ดินมาคืนแม่ เพราะอยากให้แม่ได้รับความยุติธรรม และกลัวว่า สมบัติของแม่ที่มีกว่า 2 พันล้านในตอนนี้จะหายไป ตนไม่ได้หวังอะไร เพราะตนเองก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองอยู่แล้ว

ด้าน ทนายวิเชียร อินเรน ทนายความส่วนตัว กล่าวว่า ในส่วนทางกฎหมาย ตอนนี้ทำเรื่องฟ้องไปที่ ปปง. เนื่องจากขอให้ดำเนินคดีความผิดฐานฟอกเงินกับผู้ต้องหา เพราะมีการโอนเงินเข้าในบัญชีผู้ต้องหาทั้ง 2 รายเป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่าเอาเงินไปโดยทุจริต ซึ่งได้ไปร้องมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แล้วแต่เรื่องดันเงียบไป

ทนายวิเชียร กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนได้ไปร้องที่กองปราบ เกี่ยวกับการเบิกเงินค่าเช่าจากบัญชีของแม่ ไปเกือบ 200 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนเตรียมส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปที่อัยการ ภายในสัปดาห์นี้ และเตรียมที่จะยื่นหนังสือร้องเรียนต่อแพทย์สภา เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่าการพานางปิ่นไปหาหมอและรับยาจิตเวช โดยที่ไม่ได้พาตัวไปหาหมอเอง แต่หมอจ่ายยาให้ตลอด จึงเกิดคำถามว่าแพทย์สามารถจ่ายยาให้กับญาติของคนไข้ โดยที่ไม่ได้เจอตัวและวินิจฉัยอาการป่วยของคนไข้เองได้หรือไม่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *