‘โย่ง-ก้อย’ เล่าโมเมนต์ส่ง น้องอบเชย ไปร.ร.วันแรก งานนี้มีคนเสียน้ำตา ลั่น! เข้าใจหัวอกพ่อแม่แล้ว เผยเคล็ดลับเติมรักไม่ให้จืดจาง
เพิ่งจะผ่านวันครบรอบแต่งงาน 12 ปีมาหมาดๆ สำหรับคู่รักสายแนว โย่ง อนุสรณ์ มณีเทศ หรือ โย่ง อาร์มแชร์ และ ก้อย วลัยลักษณ์ มุสิกโปฎก หรือ ก้อย Saturday Seiko แต่ความหวานชื่นของทั้งคู่ไม่มีลดน้อยถอยลง แถมยังมี น้องอบเชย ในวัย 2 ขวบกว่าๆ เป็นโซ่ทองคล้องใจที่เติมเต็มคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ล่าสุด น้องอบเชย ลูกสาวสุดที่รักเข้าสู่วัยไปโรงเรียนแล้ว งานนี้ทำเอา พ่อโย่ง ถึงกับเสียน้ำตาและเข้าใจหัวอกพ่อแม่ที่ยืนร้องไห้ส่งลูกอยู่หน้าโรงเรียนเลยทีเดียว สบโอกาสเหมาะ “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ได้เจอ โย่ง และ ก้อย ในงานเก็บภาพการซ้อมคอนเสิร์ตใหญ่ “The Concert Presents Armchair Original Concert” ของวง ARMCHAIR ที่ One Shot Studio วันนี้(28ส.ค.67) เลยสอบถามถึงโมเมนต์นั้นที่เกิดขึ้น
น้องอบเชย เข้าโรงเรียนแล้ว? โย่ง – “เพิ่งเข้าโรงเรียนครับ ไวมากเลย ความที่เราเลี้ยงลูกกันเองทุกวันๆ ตั้งแต่เขายังตัวเล็กๆ ตัดภาพมาอีกทีใส่ชุดนักเรียนแล้ว เราก็ปลื้มปริ่ม“
ก้อย – “แต่เขาเก่งมาก วันแรกเราก็แอบหวั่นๆ ว่าไปโรงเรียนแล้วเขาจะรู้สึกยังไง จะกลัวไหม จะร้องไห้หรือเปล่า แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย เขาแฮปปี้และสนุกมาก ตอนเดินเข้าโรงเรียนยังหันกลับมาบ๊ายบายพ่อแม่ด้วย เราก็โอเคโล่งใจแล้ว แต่พอหันกลับมาทางนี้(มองไปที่โย่ง)เท่านั้นแหละ”
โย่ง – “คือพ่อยืนร้องไห้อยู่ข้างรั้วโรงเรียน รปภ.คงตกใจว่ามายืนร้องไห้ทำไม คุณครูก็งง(ยิ้ม) ความรู้สึกตอนนั้นคือเป็นห่วงกังวล เราเลี้ยงเขาอยู่บ้าน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ 5 วันแรกจนมาถึงอายุ 2 ขวบ 8 เดือน เขาไม่เคยห่างกับเรานานเลย แต่พอไปโรงเรียนก็ต้องห่างกันตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายๆ เราก็เป็นห่วงว่าเขาจะอยู่ยังไง ถ้าหิวจะทำยังไง คิดมากไปหมด
แต่จริงๆ ที่ทำให้ร้องไห้เพราะว่ามันเหมือนได้เห็นเขาเติบโต เป็นความรู้สึกปลื้มและตื้นตันมากกว่า ไม่น่าเชื่อว่าเราเลี้ยงคนคนหนึ่งมาจนเข้าโรงเรียนแล้ว เรียกว่าไปส่งทุกวันก็ร้องไห้ทุกวัน ไปส่งแต่ละทีกว่าจะกลับบ้านได้ก็นานเหมือนกัน คนที่ที่โรงเรียนเริ่มสงสัยกันแล้ว(ยิ้ม) คนนี้แปลกๆ นะมายืนซุ่มอยู่นานจัง”
ก้อย – “ส่วนเราไม่ร้อง ความรู้สึกของคนเป็นแม่คือเราปลื้มปริ่มมากกว่า มันเป็นความอบอุ่นในใจว่าลูกที่เราฟูมฟักมาวันนี้เขาสตรองมาก ไปโรงเรียนไม่ร้องไห้เลย”
โย่ง – “ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปหาเซ้งห้องแถวแถวนั้นสักคูหาหนึ่ง เปิดร้านขายขนมขายก๋วยเตี๋ยวก็ว่าไป เพราะว่าไหนๆ ต้องเฝ้าลูกอยู่แล้ว แต่พอมาคิดดูไม่น่าจะดีเพราะถ้าขายของก็จะไม่ได้ไปดูลูกไง(หัวเราะ)”
เคยคิดไหมว่าตัวเองจะมาในเวอร์ชั่นนี้? โย่ง – “ไม่เคยครับ ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องไปยืนชะเง้อที่รั้วโรงเรียนอนุบาล แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ให้คุณครูหรือผู้ปกครองท่านอื่นเห็นมาก่อน เมื่อก่อนเราก็เคยเห็นข่าวแบบนี้มาบ้าง ตอนนั้นเคยไปส่งหลานเห็นพ่อแม่คนนั้นคนนี้ยืนเกาะรั้วดูลูกก็ยังสงสัยว่าไม่มีงานทำกันเหรอ ร้องไห้อะไร อ่อน! ไร้สาระ พอมาถึงคราวของตัวเองวันที่ลูกลงจากรถโบกมือบ๊ายบายเท่านั้นแหละโอ้โห! นี่ขนาดพูดให้ฟังยังจะร้องไห้เลย”
ส่งรูปไปโรงเรียนยังร้องไห้ขนาดนี้ อีกหน่อยโตกว่านี้จะยังไง?
ก้อย – “ยิ่งเขาเป็นคุณพ่อสายซอฟต์ก็ยิ่งจะปลื้มปริ่มทุกโมเมนต์ของลูก”
โย่ง – “เขาเริ่มไปโรงเรียนแล้วก็มาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนชื่ออะไรบ้าง แต่ส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนผู้ชาย ซึ่งเราก็รู้สึกว่าคิดถูกไหมที่ไปโรงเรียน(หัวเราะ) เริ่มห่วงแล้วครับ แล้วอบเชยเป็นคนที่ชอบไปปลอบเพื่อน เห็นเพื่อนร้องไห้ก็ไปปลอบ แต่ช่วงหลังๆ เริ่มรู้สึกว่าไปกอดเพื่อนผู้ชายถี่มากเกินไป อันนี้เดี๋ยวเริ่มต้องคุยกันแล้ว”
อนาคตอบเชยน่าจะมีแฟนลำบาก?
โย่ง – “ผมว่าอาจจะกดดันอ่ะ ปีนรั้วแอบดูอะไรงี้”
ล่าสุดครบรอบแต่งงาน 12 ปี?
โย่ง – “อยากจะบอกว่ามันแปลกตรงที่พอเรามีลูกด้วยกัน มันก็จะมีความที่ทะเลาะกันบ่อยเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการถกเถียงเรื่องการเลี้ยงลูกมากกว่า แต่พอหลังจากที่ลูกหลับเราก็จะมีการคุยกันบ้าง”
ก้อย – “จริงๆ พอมีลูกก็ยิ่งคุยกันมากขึ้น มีอะไรให้ทำให้จอยมากขึ้น ก็เลยจะมีความรู้สึกที่มันผูกพันกันมากขึ้น ฉะนั้นเรื่องของความหวานความเอาใจใส่มันก็เลยไม่ค่อยหายไป อย่างที่บอกเราเป็นเหมือนคู่ชีวิต เป็นเพื่อนรักกันด้วย มันก็ทำให้การใช้ชีวิตการเป็นครอบครัวมันเติมเต็มและอบอุ่น เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเปลี่ยนแปลง ยิ่งนานขนาดไหนมันก็ยิ่งแน่นมากขึ้น”
รู้สึกยังไงที่มีคนพูดว่า “พี่โย่งไม่ควรมีคนเดียวในโลก” เรียกว่าเป็นไทป์ที่สาวๆ กรี๊ดเลย? โย่ง – “(หัวเราะ)ก้อยบอก…มีคนเดียวก็พอแล้ว เดี๋ยวต้องไปยืนร้องไห้กันเป็นฝูงอยู่หน้าโรงเรียน อีกอย่างช่วงนี้เขาไม่ค่อยหึงแล้ว ผมแก่แล้ว”
ก้อย – “เหมือนน้อยใจเนอะ แต่ไม่หรอก…พอเรามีเรื่องลูกก็จะไปให้ความสำคัญกับลูก อย่างที่บอกว่าพี่โย่งเป็นสายซอฟต์ที่อบอุ่น แต่ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันจนมันเป็นความอบอุ่นที่คุ้นเคย เราก็เลยไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร คือเอาจริงๆ นึกไม่ออกว่าถ้าไม่มีกันจะรู้สึกแบบไหน แล้วพี่โย่งไม่ได้ดูแลแค่เราแต่จะดูแลทุกคนรอบตัว เราก็จะรู้สึกว่าเขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วเลยไม่ได้รู้สึกพิเศษมาก แต่ว่ามันเป็นความพิเศษที่มีมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ได้ขิงนะคะ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มาตลอด”
โย่ง – “หมายถึงเขาอาจจะชินที่ผมเป็นแบบนี้ มีอะไรก็จะแสดงออก ถึงวันครบรอบก็จะให้ความสำคัญมากหน่อย ผมเองก็พยายามจะทำอะไรให้สม่ำเสมอ ก้อยก็เลยรู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำให้เขาไม่ได้เป็นเรื่องพิเศษ เพราะปกติก็พยายามทำให้เยอะขึ้นอยู่แล้ว”
บอกรักกันบ่อยไหม? ก้อย – “พี่โย่งบอกรักทุกวันค่ะ บอกวันละหลายๆ รอบ”
โย่ง – “รักนะจุ๊บจุ๊บ(ยิ้ม) ช่วงนี้พยายามจะแสดงความรักระหว่างคุณพ่อคุณแม่ให้อบเชยเห็น เวลาจุ๊บแม่ให้อบเชยดู เขาก็จะเขิน (ไม่กลัวอบเชยจำไปจุ๊บเพื่อนผู้ชายที่โรงเรียนเหรอ?) นั่นสิๆ ลืมเลย เดี๋ยวต้องเปลี่ยนแผนก่อน”
ก้อย – “การบอกรักกันทุกวันมันทำให้ไม่ห่าง มันยังเป็นความรู้สึกที่สนิทอบอุ่นแน่นแฟ้นอยู่ เอาจริงๆ การบอกรักมันเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดแล้วในการแสดงความรักต่อกัน มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่จริงๆ แล้วมันเยียวยาจิตใจได้มากเลยสำหรับคู่รักหรือว่าครอบครัว ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นค่ะ”