นิว วงศกร แฮปปี้ นาว ทิสานาฏใกล้กลับเมืองไทย เรื่องแต่งงานยังไม่ใช่ตอนนี้ มองเป็นประเพณีที่ฟุ่มเฟือย คิดตรงกันจะไม่มีลูก

หลังจากสาว นาว ทิสานาฏ แฟนสาวของหนุ่ม นิว วงศกร ได้บินไปเรียนต่อถึงประเทศออสเตรเลีย ล่าสุดได้เจอ นิว ที่งานบวงสรวงละคร “บุหลันมันตรา” ณ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พร้อมเผยว่าแฟนสาวเรียนจบแล้ว เหลือฝึกงานหกเดือน ส่วนเรื่องแต่งงาน ยังไม่ใช่ตอนนี้

ความรักระยะไกล? “เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งบินไปหาครับ ก็อยู่ที่นั่นแหละครับ ไม่ได้ออกต่างจังหวัดหรือไปไหนไกล เพราะน้องต้องมีภารกิจที่ต้องเรียน ไปไหนไกลไม่ได้”

ตอนนี้นาวเป็นยังไงบ้าง? “ตอนนี้เรียนจบแล้วครับ แต่ยังมีฝึกงานอีก 6 เดือน สิ้นปีนี้น่าจะจบเรียบร้อยทุกอย่าง”

อีก 6 เดือนที่เหลือวางแพลนจะไปหากี่ครั้ง? “ต้องดูว่าละครปิดกล้องหรือเปล่า ตอนนี้มีละครที่ถ่ายค้างไว้อยู่ครับ ต้องให้ละครปิดกล้องเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยวางแผนอีกที”

พอเสร็จแล้วจะกลับมาไทยยาวเลยมั้ย หรือมีไปเรียนอีก? “กลับมาก่อนครับ แต่ต้องกลับไปรับเหมือนใบประกาศ ผมก็เรียกไม่ถูก เพราะเขาเป็นเชฟ เขาก็จะรับเป็นหมวก ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร (ยิ้ม)”

นานๆ ไปหากันที เป็นยังไงบ้าง? “มันก็มีคิดถึงนะ แต่เราก็คุยกันตลอดเวลาทุกวัน”

เจอกันทีไรภาพก็ออกมาหวานตลอด? “จริงๆ มีอีกเยอะเลยนะ แต่ไม่ได้ลง (ยิ้ม) คือนานๆ เราไปทีเราก็อยากถ่ายรูป ถ่ายคลิปเก็บไว้เยอะๆ เอาไว้ดูเวลาคิดถึง หรือเอาไว้ลงเวลาที่อยากไปหาแต่ไปไม่ได้”

ไปเที่ยวครั้งล่าสุดก็ทรหดเหมือนกัน? “ใช่ คือด้วยความที่นู่นสถานที่ท่องเที่ยวจะเป็นธรรมชาติ ไหนๆ ไปแล้วเราก็อยากไปให้เห็นกับตา แต่มันสวยนะ ถ่ายรูปมาก็สวยแล้ว แต่ของจริงที่ตาเราเห็นมันสวยกว่านั้นหลายร้อยหลายพันเท่า แต่จริงๆ เราเที่ยวกันแนวนี้อยู่แล้วครับ แต่ที่ทริปทรหดอันนั้นน่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนๆ เขามากกว่า เพราะผมกับน้องจะไปด้วยกันบ่อยแล้ว แต่น้องยังไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เขาที่นู่นในสไตล์แบบนี้“

มีเวลาสวีทกันมั้ย? ”ก็ปกตินะ ไปเราก็ไม่ค่อยได้สวีทอะไรอยู่แล้ว“

พอกลับมาคราวนี้จะแพลนอนาคตเลยมั้ย? “ก็ยังคุยกันเหมือนเดิม แต่เรื่องแต่งงานก็คงยังไม่ถึงเวลา เราก็คุยกันตลอดครับ แต่ความเห็นเราตรงกันตรงที่จริงๆ การแต่งงานมันก็สำคัญ แต่ก็ยังไม่จำเป็นในช่วงนี้ พ่อแม่เรารับรู้และเรามีความสุขดี ครอบครัวเราแฮปปี้ทั้งคู่ ก็ไม่ได้รีบร้อนว่าจะต้องแต่งงาน ผมรู้สึกว่ามันใช้เงินเยอะ

ในยุคนี้เราก็ปฎิเสธไม่ได้ว่างานแต่งงานมันเป็นประเพณีที่ค่อนข้างฟุ่มเฟือยนะ เพราะใช้เงินเยอะ บางคู่ต้องหาเงินมาจัดงานแต่งงาน และมันก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าชีวิตคู่ของเรา ความสัมพันธ์จะเป็นยังไงหลังจากที่เราแต่งงานไปแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราพร้อม และวันนั้นเราอยากจัดงาน เราค่อยมาคุยกันอีกทีหนึ่ง แต่ ณ วันนี้คิดว่าน่าจะยังไม่ได้มีครับ”

เรื่องลูกล่ะ? “ไม่ครับ คิดว่าความรู้สึก ณ วันนี้ยังไม่อยากมี และน้องเองก็เหมือนกัน แต่ความคิดคนเรามันก็เปลี่ยนแปลงกันได้ เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนมั้ย“

แต่ยิ่งเราก็อายุมากขึ้นกันทั้งคู่นะ? “อันนั้นก็ส่วนหนึ่งด้วยครับ อีกส่วนหนึ่งเรารู้สึกว่ามันค่อนข้างยากที่จะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เขามีความสุขได้ในยุคปัจจุบันนี้ เป็นความรู้สึกส่วนตัวของผมนะ”

มีฝากไข่ไว้บ้างมั้ย? “ไม่ได้ฝากครับ เบื้องต้นเราคุยกันแล้วว่าไม่อยากมีกันทั้งคู่ครับ”

ชีวิตคู่ในมุมของเราคือยังไง? “แค่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ผมว่ามันก็โอเคแล้วนะ ต่างคนต่างมีความสุขกับมัน มีแพสชั่นกับมัน หลังจากหน้าที่การงานแล้วเรากลับมาใช้ชีวิตด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกันก็พอแล้ว”

หลายคนพอไปอยู่ต่างประเทศนานๆ อาจจะอยากอยู่เลย นาวเคยมีคิดมั้ย? “ก็มีแว้บๆ ครับ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่นี่ ผมก็มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่นี่ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้เรียกร้องเราหรอกนะ แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่เราต้องดูแลพ่อแม่ และเป็นสิ่งที่เราอยากทำเอง ซึ่งทั้งคุณพ่อคุณแม่น้องนาวและคุณพ่อคุณแม่ผมท่านก็ไม่ได้เรียกร้อง ท่านก็ดูแลตัวเองได้ แต่เราด้วยความเป็นลูกก็เป็นสิ่งที่เราอยากจะทำ อยากจะกลับมาดูแลเขา”

พอนาวกลับมาจะรับงานในวงการบันเทิงต่อหรือจะไปเป็นเชฟเลย? “ก็ต้องลองดูครับ เพราะปัจจุบันนี้โลกมันหมุนเร็วมาก แล้วเขาทิ้งวงการนี้ไป 2 ปี ทุกอย่างมันเดินหน้าไปหมดแล้ว และการที่เขาจะกลับมา ก็ยังมีคุยกันอยู่เลยครับว่ากลับมาเขาจะเล่นละครได้มั้ย ต้องมาเริ่มต้นใหม่มั้ย และต้องยอมรับว่าเด็กรุ่นหลังๆ เด็กใหม่ๆ เขาเก่งและเขาพัฒนาเร็ว เขาพร้อมในทุกๆ ด้าน

ถ้าจะกลับมาอีกครั้งหนึ่งก็ต้องดูความเหมาะสมว่าน้องเขาพร้อมมั้ย หรือว่าความต้องการของโปรดักชั่นในตอนนั้นมันเหมาะกับคาแร็กเตอร์ของน้องมั้ย มันต้องดูหลายๆ อย่าง แต่เขาชอบเล่นละครนะ เขายังรักที่จะอยากทำงานละครอยู่ แต่เขาเลือกเดินทางนั้นแล้ว เขาก็ต้องเดินต่อให้สุด“

กลับมาเขาจะมีแพลนละครต่อเลยมั้ย? ”ยังไม่รู้เลยครับ ใครจะมารอ 2 ปี คือก่อนที่จะไปก็มีโปรเจกต์แหละ แต่สุดท้ายพอเราเลือกทางนู้นแล้ว ทางนี้เขาก็ไม่สามารถรอได้หรอก เขาก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่คิดว่าเขาคงทำอาชีพเชฟควบคู่ไปด้วยแหละ แต่อันไหนจะเป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริมก็คงต้องดูอีกทีครับ”