ชาวนา ตัดพ้อ 20 ปี ข้าวราคาเพิ่มแค่โลละ 11-12 บาท ตลาดข้าวก็กว้าง รัฐเพิ่มราคาให้อีกได้หรือไม่ ชี้ชาวนาเวลานำข้าวไปขาย ต้องไปจ่ายหนี้ ธ.ก.ส. หนี้ออมสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหนองคูไชย ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เจ้าของที่นาว่าจ้างแรงงานในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง 15 คน มาร่วมลงแขกดำนาบนพื้นที่นา 6 ไร่
นายพสิษฐ์ ก่อเกิดธนทรัพย์ กล่าวว่า ได้ว่าจ้างแรงงานทั้งในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคีย งมาลงแขกดำนา โดยค่าจ้างแรงงานปีนี้อยู่ที่ 350-400 บาทต่อคนต่อวัน จากปีก่อน 300 บาท เนื่องจากปีนี้ค่าแรงเพิ่มขึ้น หาแรงงานยากขึ้น สภาพเศรษฐกิจไม่ดี จึงอยากให้ทุกคนมีรายได้พอเลี้ยงปากท้อง
นอกจากค่าแรง ยังมีการเลี้ยงอาหารกลางวัน กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม หลังจากเสร็จงาน ซึ่งแรงงานชุดนี้ต้องจองกันข้ามเดือนตั้งแต่ตอนหว่านกล้ากันเลยทีเดียว ซึ่งจะเริ่มงานกันตั้งแต่เช้า ประมาณ 07.30 น. จนถึงเสร็จงาน
ส่วนปีนี้ต้นทุนการทำนานั้นเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่ค่าไถ ต้องไถ 2 รอบ ค่าถอนกล้า มัดละ 4-5 บาท ค่าปุ๋ย กระสอบละ 1,000 กว่าบาท รวมแล้วก็เกือบ 20,000 บาท ซึ่งภาวนาขอให้ปีนี้ข้าวราคาดี
หากมองย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้ว ราคาหมูโลละ 60 บาท ข้าวตันละ 7,000 บาท ปัจจุบันหมูโลละ 180-200 บาท เติบโต 300% ส่วนข้าวเติบโตแค่โลละ 11-12 บาท โตไม่ถึง 50% ในรอบ 20 ปี ตลาดข้าวกว้าง แต่ทำไมไม่ได้ราคา เราทำนาปี ทำปีละครั้ง รัฐเพิ่มราคาให้อีกได้หรือไม่ ชาวนาเวลานำข้าวไปขาย ต้องไปจ่ายหนี้ ธ.ก.ส. หนี้ออมสิน บางคนขายข้าวแต่ไม่มีข้าวจะกิน ต้องเอาเงินขายข้าวกลับไปซื้อข้าว
ฝากไปถึงรัฐบาลว่า ถ้าใส่ใจเรื่องข้าวจริง ๆ อยากให้เก่งที่การกระทำมากกว่า รัฐต้องไปหาตลาด หาดีมานด์-ซัพพลาย หาพื้นที่ขายให้ได้ราคา ไม่ใช่มากำหนดราคากับเกษตรกร โครงการไร่ละพันตอนนี้อยู่ไหน ปุ๋ยคนละครึ่งอยู่ไหน เนื้อหาจริง ๆ อยู่ไหนไม่รู้ แต่หากโครงการมาจริง รัฐมาช่วยก็รับ เพราะชาวนารายรับไม่มี รัฐต้องช่วยเซฟรายจ่าย จะได้อยู่ได้ ไม่ได้ให้อุ้ม แต่ช่วยพยุงเราหน่อยก็ยังดี